Knowledge
ครุศึกษาภาคปฏิบัติ - เสริมสมรรถนะสำคัญให้คุณครูในห้องเรียนอนาคต
1 day ago 12"เราเป็นวิชาชีพที่สังคมคาดหวังว่าสําเร็จการศึกษาไปแล้ว สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
จึงเป็นบทบาทของมหาวิทยาลัยที่จะต้องเตรียมนิสิตนักศึกษาครูให้พร้อมฝึกสอน"
ผศ. ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา
กล่าวในงาน The Principal Forum 2025 วันที่ 17 ตุลาคม 2568
ด้วยเวลาในการเตรียมครูใหม่ที่น้อยลงตามที่มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้เหลือ 4 ปี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องปรับทิศทางให้เน้นกระบวนการแบบลงมือทำ หรือมีประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงให้มากขึ้น ไม่ว่าจะในสถานการณ์จำลองในห้องเรียน หรือซึมซับบรรยากาศโดยตรงจากสถานศึกษาในเครือข่าย มุ่งสร้างสมรรถนะสำคัญของครูใหม่ก่อนไปสร้างสมรรถนะให้เกิดขึ้นจริงในตัวผู้เรียน ความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นมานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนบนฐานคิด Practice-Based Teacher Education หรือครุศึกษาภาคปฏิบัติ
การเตรียมครูในลักษณะดังกล่าวได้รับความสนใจมากขึ้นท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ผลลัพธ์ในเชิงงานวิจัยยังคงต้องได้รับการยืนยันต่อไป หนึ่งในความพยายามนั้น เป็นงานวิจัยของ Mancenido และคณะ (2025) ที่พยายามพิสูจน์ข้อแตกต่างของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่เน้นทฤษฎีกับเน้นกระบวนการเชิงปฏิบัติ โดยออกแบบให้แบ่งนักศึกษาครูระดับประถมศึกษาเป็น 3 กลุ่ม โดยทุกกลุ่มใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเรียนรู้เท่ากัน เนื้อหาที่แตกต่างกันนั้นมีรายละเอียดดังนี้
กลุ่มที่หนึ่งศึกษาจากผลการวิจัย และแบ่งปันประสบการณ์การสอนจริงของแต่ละคน
กลุ่มที่สองได้เรียนรู้และถอดรหัสจากผู้ปฏิบัติจริงในสื่อวีดิทัศน์ที่เตรียมไว้ และนำมาปฏิบัติจริงในชั้นเรียน
กลุ่มที่สามที่มีการเรียนรู้จากผลการวิจัยและการปฏิบัติจากสื่อวีดิทัศน์
ภายหลังจากการเรียนรู้ในชั้นเรียนแล้ว นักศึกษาทุกคนจะได้ทดลองมาปฏิบัติจริงกับนักแสดง 2 คน เป็นเวลา 10 นาที เป้าหมายของการทดลองส่วนนี้ คือให้นำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาปฏิบัติจริงนั่นเอง โดยนักวิจัยจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการคิด (eliciting student thinking) และการตอบสนองต่อความคิด (responding to student thinking) ของนักเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว
ผลการศึกษาในภาพรวมพบว่า นักศึกษาในกลุ่มที่สองและสามที่มีโอกาสเตรียมตัวในเชิงปฏิบัติสามารถแสดงออกในการกระตุ้นความคิดและตอบสนองต่อคำตอบของนักเรียนในสถานการณ์จำลองได้ดีกว่ากลุ่มที่หนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของการตอบสนองต่อความคิดของผู้เรียนที่กลุ่มที่สองทำได้ดีกว่าทุกกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด
ผลจากงานวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นว่า การมีทฤษฎีหรือหลักการทางการศึกษาอยู่ในใจเป็นพื้นฐานนั้นก็ดี แต่จะดีกว่าเดิมหากครูมีหลักในทางปฏิบัติ สมรรถนะสำคัญ และมีโอกาสสร้างประสบการณ์การทำงานและทักษะการสะท้อนคิดจากการปฏิบัติ ประกอบกับการมีเพื่อนครูและชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศการทำงานเชิงบวก อันจะช่วยให้ครูนั้นมีการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพในที่สุด ไม่ว่าครูใหม่หรือครูเก่าต่างก็พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน
ที่มา : Mancenido, Z., Hill, H. C., Garcia Coppersmith, J., Carter, H., Pollard, C., & Monschauer, C. (2025). Practice-Based Teacher Education Pedagogies Improve Responsiveness: Evidence from a Lab Experiment. Journal of Research on Educational Effectiveness, 1–25. https://doi.org/10.1080/19345747.2025.2456716